ร้าน สมเด็จพุทธคุณ
www.rung-lakroi.99wat.com
0993579545 0645179964
-

สมเด็จพุทธคุณยินดีต้อนรับ รับเช่าและจัดหาพระเครื่องพระบูชาทุกประเภท พระสมเด็จ พระกรุ พระเกจิยอดนิยม พระสวยติดรางวัล มีให้ท่านเลือกชมในราคามิตรภาพไม่แพงเวอร์คร้บ หว้งว่าจะได้รับความพึงพอใจจากท่านนะครับ

สนใจรายการไหนโทรคุยได้ที่ 099-3579545 0645179964 รักษ์รุ่ง รุ่งเรือง(รุ่ง)

 
พระท่ามมะปราง เมื่องสุโขทัย No. 0373


  ส่งข้อความ

ชื่อร้านค้า
สมเด็จพุทธคุณ
โดย
รุ่งหลักร้อย
ประเภทพระเครื่อง
พระกรุ
ชื่อพระ
พระท่ามมะปราง เมื่องสุโขทัย No. 0373
รายละเอียด
พระท่ามะปราง เมืองสุโขทัย
พระท่ามะปรางสุโขทัยเป็นพระที่มีรูปแบบเหมือนกับพระท่ามะปรางของจังหวัดกำแพงเพรชและพระท่ามะปรางของจังหวัดพิษณุโลก ผิดกันที่พระท่ามะปรางของจังหวัดสุโขทัยจะมีรูปร่างเล็กกว่าของเมืองอื่น  พระท่ามะปรางสุโขทัย เป็นศิลปะของสุโขทัยตอนปลาย ขุดค้นพบครั้งแรกที่ วัดมหาธาตุเรียกว่า "พระกรุเก่า" ต่อมามีการขุดค้นได้ที่กรุวัดเจดีย์สูง และที่เขาพนมเพลิง พระท่ามะปรางเมืองสุโขทัย มีด้วยกัน ๒ เนื้อ คือ
๑. เนื้อชิน
๒. เนื้อดิน
ส่วนในด้านพุทธคุณนั้นมิได้ยิ่งหย่อนกว่าท่ามะปรางของเมืองอื่นเลย คือ ดีทางแคล้วคลาด และโภคทรัพย์ ขนาดองค์จริงสูงประมาณ ๓ ซ.ม. กว้างประมาณ ๑.๘ ซ.ม.

ต้นกำเนิดของพระท่ามะปราง เป็นแห่งแรกก็คือ จังหวัดพิษณุโลก ถือว่าเป็นต้นแบบของพระท่ามะปรางทั้งหมด จัดเป็นพระที่มีอายุในการสร้างสูงกว่าทุกๆเมืองและคำว่า “พระท่ามะปราง” ก็นำมาจากการค้นพบที่วัดท่ามะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นแห่งแรกนั้นเอง เมืองอื่นๆก็เลยนำชื่อมาตั้งพระที่มีลักษณะเดียวกัน เพราะฉะนั้นคำว่า “พระท่ามะปราง” จึงได้ปรากฏอยู่หลายๆเมือง เช่นเมืองสุโขทัย เมืองกำแพงเพชร เมืองสุพรรณบุรี เมืองอยุธยา เมืองพิจิตรเป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสวยงามต้องยกให้เมืองกำแพง พระท่ามะปรางของเมืองกำแพงเพชรนั้น เป็นพระตระกูลช่างสุโขทัยแบบวัดตะกวน ถ้าเป็นพระพุทธรูปก็ถือว่าเป็นศิลปะยุคต้นเลยทีเดียว

วงการพระเครื่องยกย่องว่านางท่ามะปรางจากกรุวัดท่ามะปราง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นับเป็นเอกที่ลือชื่อด้วยเหตุผลที่ว่า "เพราะมีพุทธคุณเยี่ยมยอดทางด้านคงกระพันชาตรี" อีกทั้งยังเป็นพระต้นสกุลพระท่ามะปรางชาวไทยรู้จักชื่อพระท่ามะปรางกรุ นี้มานานนับร้อยปีแล้ว นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ เป็นต้นมา ต่อมาพระพิมพ์นี้ไม่ว่าจะพบจากกรุใดหรือจังหวัดใดก็ตามล้วนแล้วแต่เรียกนาม นำหน้าว่า "พระท่ามะปราง" ทั้งสิ้น ดังเช่น พระท่ามะปราง กรุมะละกอ จ.พิจิตร, พระท่ามะปราง กรุวัดสำปะชิว จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น ในอดีตวัดท่ามะปรางขาดการบูรณะปฏิสังขรณ์จึงกลายสภาพเป็นป่ารกไม่น่าเป็นที่อยู่อาศัยของพระภิกษุ สามเณร พระอุโบสถ ศาลากลางเปรียญและพระปรางค์ ก็ชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก บริเวณสนามทั่วไปก็กลายเป็นที่ฝั่งศพ
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปีจอ พ.ศ. ๒๔๑๗ อันเป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกฮ่อเตรียมทัพใหญ่ที่มุทุ่งเชียงคำจะยกลงมาทางเมืองเวียงจันทน์ มุ่งตีเมืองหนองคาย กะว่าจะยกทัพไปทางเมืองหัวพันทั้งห้าทั้งหก ไปเมืองหลวงพระบางอีกทัพหนึ่ง ข่าวฮ่อเตรียมยกทัพใหญ่มาครั้งนี้ กรมการเมืองหนองคาย รับทราบจึงรีบรายงานเข้ามายังกรุงเทพฯ ถึงพร้อมใบบอกของเจ้านครหลวงพระบาง ขณะนั้นพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยามิตร) เป็นข้าหลวงขึ้นไปมณฑลอุดร มณฑลร้อยเอ็ด และมณฑลอุบล เป็นกองทัพ และให้พระยานครราชสีมา (เมฆ) เกณฑ์กำลังเป็นกองทัพหนึ่งให้พระยามหาอำมาตย์ เป็นแม่ทัพยกไปป้องกันเมืองหนองคาย และโปรดให้เกณฑ์กำลังมณฑลพิษณุโลกเข้ากองทัพ ให้พระยาพิชัย (ดิษฐ) คุมขึ้นไปช่วยป้องกันเมืองหลวงพระบางอีกทัพหนึ่ง ฝ่ายกรุงเทพฯ โปรดเกณฑ์กำลังเข้ากองทัพให้เจ้าพระยาภูธราภัย สมุหนายกเป็นแม่ทัพยกไปปราบฮ่อทางเมืองหลวงพระบางอีกทัพหนึ่ง โปรดให้พระยามหินทรศักดิ์ธำรงค์ เป็นแม่ทัพยกไปปราบฮ่อทางเมืองหนองคายอีกทัพหนึ่ง\\nเมื่อกองทัพพระยามหา อำมาตย์ ยกขึ้นไปถึงเมืองหนองคายฮ่อ ก็ลงมาถึงฝั่งแม่โขง ฟากโน้นตั้งค่ายอยู่ที่วัดจันทน์ในเมืองเวียงจันทน์แห่งหนึ่งที่บ้านสีฐาน แห่งหนึ่ง ที่บ้านโพนทานาแห่งหนึ่งแล้วข้ามฟากมาตีเมืองปากเทือง แตกเมืองหนึ่ง\\nพระยามหาอำมาตย์ กับ พระยานครราชสีมา (เมฆ) พระพรหมภักดี (การ สิงหเสณี) ยกกระบัตรเมืองนครราชสีมา ยกทัพขึ้นไปรบพุ่งกับพวกฮ่อสู้อยู่วันหนึ่งก็แตกหนีไปหมดจับเป็นได้ก็มาก กล่าวกันว่าการรบในครั้งนั้นนอกจากพวกฮ่อแล้วยังมีทหารเงี้ยวปะปนอยู่ในกอง ทัพเป็นจำนวนมาก พวกเงี้ยวสู้รบกับทหารไทยไม่ไหวเพราะยิงทหารไทยเท่าไรลูกปืนก็หาลั่นออกไปไม่ เงี้ยวจึงทิ้งปืนวิ่งหนีและยอมจำนนต่อกองทัพไทยในที่สุด สาเหตุครั้งนี้เพราะพวกทหารไทยที่เกณฑ์กำลังมาจากมณฑลพิษณุโลก มีพระท่ามะปราง จ.พิษณุโลก ห้อยคอบูชาแทบทุกคน สันนิษฐานว่าชาวเมืองพิษณุโลกได้พระท่ามะปราง จากกรุเจดีย์ที่แตกพังทลายลงไปในน้ำ ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ใน พ.ศ. ๒๔๑๗ ด้วยเหตุนี้ชาวไทยจึงนิยมพระท่ามะปราง กรุวัดมะปราง จนได้รับสมญานามเกริกก้องว่า "พระเงี้ยวทิ้งปืน" สืบแต่นั้นมาพุทธ ลักษณะ พระท่ามะปราง กรุวัดท่ามะปรางเป็นพระเครื่องสกุลช่างสุโขทัย ถ้าหากเปรียบเทียบกับพระท่ามะปราง กรุสุโขทัย แล้วจะคล้ายคลึงกันมาก เพียงแต่ว่าพระท่ามะปรางของสุโขทัยจะมีขนาดเล็กกว่าและชะลูดกว่า องค์พระปฏิมาล่ำสันกว่าและขนาดใหญ่กว่านอกจากนั้นยังมีผู้ตั้งข้อสังเกต ว่าพระท่ามะปราง กรุท่ามะปรางนั้น องค์พระปฏิมาคล้ายคลึงกับพระพุทธชินราช อันศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก อีกด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจากได้ถ่ายทอดมาจากองค์พระพุทธชินราช กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ลิไท เป็นผู้สร้าง
พระคาถาที่ใช้กับพระท่ามะปราง ที่มักจะนิยมกันในอดีตที่ผ่านมานั้นมีดังนี้เริ่มต้นด้วย ตั้งนะโม ๓ หน และตามด้วย "นะโมพุทธายะ อะสังวิสุโร ปุสะพุพะ สุสิสุสัง อะระหังสุขะโต อะระหังพุทธะสังมิ" ให้ภาวนา ๓ จบ อย่างไรตามมีความเชื่อสืบต่อกันว่าด้วยอานุภาพแห่งพระคาถาทำให้เกิดโชคลาภ วาสนา บารมีตบะเดชะอำนาจ รุ่งเรือง ยิ่งใหญ่ และป้องกันศัตรูมิให้มาเบียดเบียน ยิ่งภาวนาให้มากการเงินจะไม่ขาดและลาภผลยิ่งเกิดทุกวันแลฯ


(หากต้องการดูพระทั้งหมดในร้าน กดหน้าแรก ด้านบนเลยนะครับ)
ราคา
โทรถาม
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
0993579545 0645179964
ID LINE
-
จำนวนการเข้าชม
2,375 ครั้ง
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
ธนาคารไทยพาณิชย์ / 509-2-670xx-x